นิทานลาลา

มีชาวบ้านคนหนึ่งได้ซื้อลามาจากตลาดตัวหนึ่ง แล้วนำไปปล่อยไว้ในสวน ในสวนนั้นกว้างใหญ่มาก และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้าและผลไม้นานาพันธุ์ เจ้าลานั้นมีความสุขอย่างมาก เที่ยงวิ่งเล่นและเก็บผลไม้กินอย่างอิ่มหนำสำรวญ เบิกบานใจ

เจ้าของเห็นมันอยู่เพียงลำพังจึงอยากให้มันมีเพื่อน ครั้นต่อมาชาวบ้านผู้นั้นจึงได้ไปซื้อลามาใหม่อีกตัว เพื่อหวังจะให้เป็นเพื่อนเจ้าลาตัวก่อน แต่พอปล่อยลาตัวหลังนี้ลงไปในสวนอันอุดมสมบูรณ์ เจ้าลาตัวนี้ก็วิ่งร่ากระโดดโลดเต้นดีอกดีใจเป็นอย่างมาก เจ้าลาตัวแรกเห็นเข้าก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก นึกในใจว่า…

“อ้ายลาตัวนี้ มันคงจะมาแย่งอาหารเรากินเป็นแน่ มันช่างเหิมเกริมนัก เราต้องกันท่ามันให้ก่อนที่มันจะกำแหงกับเรา”

ว่าแล้วลาตัวแรกจึงกั้นอาณาเขตของตนเอง ด้วยการถอนต้นผักและผลไม้ต่างๆ ในสวนนั้นมาเป็นรั้วกั้น รั้วนั้นสูงขึ้นและหนาขึ้นทุกที
ฝ่ายลาตัวที่มาใหม่เห็นลาตัวแรกทำ มันจึงหาทางป้องกันตัวไว้บ้าง โดยการถอนผลหมากรากไม้ในสวนมากั้นเป็นรั้วสูงขึ้นๆเช่นกัน

ต่างฝ่ายต่างเฝ้าระแวงระวังภัยกันเอง และหาวิธีต่อสู้ป้องกันตัว โดยถอนต้นผลไม้และผักในสวนเพื่อทำรั้วกั้นตัวเอง จนร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดพันธุ์ไม้ เหลือแต่พื้นดินที่แตกระแหงไม่มีอะไรจะกิน
ในที่สุดลาทั้งสองจึงอดอาหารตายอยู่ในที่ล้อมของตน นั่นเอง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ลาสองตัวอยู่ในสวนเดียวกันไม่ได้!!!

แหะๆ ไม่ใช่ครับ 😉
ข้อคิดที่ผมได้จากเรื่องนี้ ก็คือ การระแวงแบบไร้เหตุผล บางทีก็พาเราสู่ความหายนะได้ เกิดการปะทะกัน และยิงแก๊สน้ำตา (โอ๊ะๆๆๆ ไม่เอาๆ วันนี้ ต้องไม่ข้องแวะการเมือง)
แม้เริ่มต้นเราจะรู้สึกว่า คนอื่นสูญเสีย แต่ท้ายที่สุด เราต่างหากที่ต้องสูญเสียด้วย

ไม่ว่าคนหรือสัตว์ หากไม่รู้จักแบ่งปัน ก็จะมีแต่ความทุกข์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีกรรม เพราะเห็นคนอื่นมีความสุขก็ทนไม่ได้

คนที่ฉลาด จะต้องสามารถสร้างความสุขให้กับตนเองได้ในทุกสถานการณ์ ด้วยการ “มองโลกในแง่ดี”

cr: หนังสือนิทานก่อนนอน
cr: donkeypatrol.com