ช่วงปลายปีที่แล้ว talk of the town เรื่องใหญ่เรืองหนึ่ง คงหนีไม่พ้น เจ้าขนมปังกลิ่นหอมเตะจมูก และคนต่อแถวยาวเตะตา
คุณพรเพ็ญ อังควานิช นักธุรกิจร้านก๊วยเตี๋ยวนู๊ดดี้ สยามสแควร์ เป็นผู้นำเจ้ากลิ่นหอม-หวาน-มัน-อร่อยนี้ มาจากประเทศมาเลเซีย
ด้วยเสน่ห์ของแถวที่ยาว ถึงยาวมาก อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ใครผ่านไปแถวสยาม นึกว่ามีการจองบัตรคอนเสริต กลายเป็นตัวดึงดูด ให้อยากลองไปต่อแถวมั้ง มีเรื่องเล่าขำๆว่า บางคนต่อแถว ทั้งที่ไม่รู้ว่าเค้าซื้ออะไรกัน
จำได้ว่าต้นเดือนกุมภา ผมนั่งทานกาแฟในร้านกาโตร์ มองไปฝั่งตรงข้าม เห็นความอดทนแล้วน่านับถือ แต่ดูคนในร้านก็มีขนมหน้าตาคล้ายโรตีบอย (เข้าใจว่าทำเลียนแบบ) นั่งทานเหมือนกัน แต่กลิ่นไม่ยวนจมูกเท่าไร

ส่วนที่สาขาสีลม อาการไม่ต่างกัน งานนี้แสดงให้เห็นว่า ”ความอร่อยไม่เคยปรานีใคร” อากาศก็ร้อน รถก็วิ่งเสียงดัง
นับเป็นช่วงนาทีทองของโรตีบอย นิตรสายเกือบทุกฉบับ รายการทีวีอีกเป็นสิบ ต่างกล่าวถึง “ขนมมหัศจรรย์”นี้
นั่นคือเหตุการณ์ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
วันนี้มีโอกาสผ่านไปร้านโรตีบอย สาขาเดิมบนถนนสีลม “เกิดอะไรขึ้น” เพราะไม่มีคนยืนต่อแถวเลย กลับมาดูสาขาสยาม ก็หงอยเช่นกัน แต่หันไปอีกฝั่ง ร้านกาโตร์ คนเต็มร้าน ไม่มีที่ว่างให้นั่งเลย
จริงๆแล้ว เหตุการณ์นี้ มักเกิดขึ้นเสมอสำหรับการทำธุรกิจ หากไม่มีทีมคิด คอยวางแผนว่า ตลาดเปลี่ยนไปแล้วหรือไม่ ก็ยากที่จะยืนระยะได้นาน เพราะช่วงขายดี ก็มัวแต่ง่วนอยู่หน้าเตา หน้าร้าน แค่นี้ก็หมดเวลาแล้ว
เท่าที่สังเกตุเห็น ร้านที่ขายสินค้าเพียงชนิดเดียว และเมนูเดิมๆยากที่จะอยู่รอด เพราะมนุษย์เป็นสัตว์กินเนื้อ ที่ขี้เบื่อในเรืองปาก-ท้อง มากที่สุด ดังนั้น เราจึงเห็นหลายร้านที่เคยดัง ต้องปิดตัวไป
ขนาดร้านสตาร์บัค แม้จะขึ้นชื่อในเรื่องกาแฟ ก็ยังต้องมีเครื่องดื่มโกโก้-น้ำโซดา-ขนม มาเป็นทางเลือกแก้เบื่อ
โรตีบอย ไม่ใช่รายแรกที่ต้องเผชิญกับความขี้เบื่อของลูกค้ายุคนี้
เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีรุ่นพี่อย่าง “ชาเขียว” ที่มาไว ไปไว เหมือนกัน