สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน หลังจากพักผ่อน ชาร์ตแบตเต็มที่ก็ได้เวลามาลุยงานกันต่อ ปีนี้ปีหมู แต่ไม่รู้ง่ายเหมือนชื่อหรือเปล่า ต้องมาลุ้นกัน ขอเริ่มปีด้วยการจับเทรนด์
เทรนด์ผู้บริโภคปี 2019 ที่บริษัทวิจัยระดับโลกอย่าง Mintel สรุปไว้น่าสนใจ มีอยู่ 6 เทรนด์ด้วยกัน ตามนี้เลย
- สุขภาพดีในองค์รวม (Total Wellbeing)
- พร้อมเผชิญกับความท้าทายแปลกใหม่ (Challenge Accepted)
- มองมุมใหม่กับปัญหาพลาสติก (Rethink Plastic)
- การแสดงตัวในโลกออนไลน์ตลอดเวลา(On Display)
- สถานการณ์โดดเดี่ยวจากสังคม(Social Isolation)
- นิยามใหม่ของวัยผู้ใหญ่(Redifinding Adulthood)
สุขภาพดีแบบองค์รวม (Total Wellbeing)
เรื่องสุภาพเดี๋ยวนี้ผู้บริโภคทำตัวราวกับว่าร่างกายของตัวเองเป็นระบบนิเวศน์ระบบหนึ่ง ที่ต้องมีเซ็นเซอร์ตรวจจับหาความบกพร่องหาจุดไม่สมบูรณ์
เซ็นเซอร์ที่นำมาใช้ตอนนี้คือเฟรนด์วอชท์ หรือนาฬิกาเพื่อน แฮร่!!! ไม่ใช่ครับ
สมาร์ทวอชท์ต่างหาก นาฬิกาอัจฉริยะที่เริ่มฮิตแม้บางคนจะใส่เพราะเป็นแฟชั้น แต่นี่เป็นพื้นฐานที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น
ในอดีตมีเพียงหมอหรือพยาบาลเท่านั้นที่รู้ข้อมูลสุขภาพของเรา แต่เดี๋ยวนี้ทุกคนสามารถรู้ได้ เพราะอุปกรณ์ราคาไม่แพงนักหลักพันบาทก็มี ประโยชน์ของข้อมูลนี้ไม่ใช่แค่บอกสภาพร่างกาย แต่
ข้อมูลยังจูงใจให้คนหันมาออกกำลังกายและใส่ใจสุขภาพมากขึ้นแถมในอนาคตจะมีอุปกรณ์เซ็นเซอร์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีก อาทิ อุปกรณ์เซ็นเซอร์ผิว ที่เป็นเพียงแผ่นบางๆติดบนผิวหนัง หรือแม้แต่แคปซูล ที่ฝั่งอยู่ใต้ผิวหนัง
ไม่อยากเลยถึงตอนนั้น จะต้องพกต้องฝังอะไรบ้าง
.
พร้อมเผชิญกับความท้าทายแปลกใหม่ (Challenge Accepted)
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ เช่นการประท้วง หรือแสดงความไม่เห็นด้วย เรื่องใหญ่ระดับโลก เช่นรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องส่วนตัว เช่นตั้งเป้าลดน้ำหนักจาก 140 เหลือ 50 กิโล (ตั้ง ไปทำไมขนาดนั้น)
ซึ่งผู้บริโภคเดี๋ยวนี้มักแสดงออกมากขึ้น และเป็นการแสดงออกแบบจัดเต็ม เหมือนจะส่งพลังต่อไปให้เพื่อนๆที่เข้ามาเห็น
การมีโซเชียลมีเดียทำให้ผู้บริโภคได้รับแรงบันดาลใจแทบทุกครั้งที่ดู จนบางทีก็แยกไม่ออกระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่ถูกแชร์ต่อๆกันมา กับเป้าหมายที่เราถูกท้าทาย แต่อย่างไรเสียเมื่อได้เห็นคลิ ปหรือข้อความเหล่านั้น มันจะกระตุ้นให้อยากลองทำ อยากลองออกจากกรอบเดิมๆ และนี่เป็นช่องที่แบรนด์สินค้าต่างๆจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้บริโภค
.
มองมุมใหม่กับปัญหาพลาสติก(Rethink Plastic)
ผู้บริโภครับรู้มานานแล้วว่าพลาสติกจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต รู้ว่าเป็นขยะที่กำจัดยากและใช้เวลานาน รู้ว่าถ้าสัตว์กินเข้าไปจะทำให้เสียชีวิต
ผลกระทบในทางลบไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่การมีโซเชียลมีเดียทำให้เหตุการณ์เลวร้ายจากขยะพลาสติกได้รับการตระหนักมากขึ้น ภาพปลาวาฬหรือเต่าทะเลที่ตายเพราะกินพลาสติกถูกส่งต่อๆกันในโลกออนไลน์ ถึงตอนนี้ก็กลายเป็นวาระของโลกไปแล้ว
แสดงตัวในโลกออนไลน์ตลอดเวลา(On Display)
การเกิดขึ้นของโซเชียลมีเดียในช่วงแรกๆ ผู้คนยังเหนียมอาย โชว์เฉพาะรูปสวยแต่เดี่ยวนี้เหรอ อะไรๆก็โชว์ เอะอะก็ไลฟ์
เพราะผู้บริโภคคุ้นกับโซเชียลมีเดีย
เมื่อคุ้น จะรู้สึกชิน
เมื่อชิน จะรู้สึกสนิท
เมื่อสนิท จะรู้สึกไว้ใจ
จนมีคนกล่าวว่า You are what you tweet
แบรนด์ไหนอยากรู้จักตัวตนลูกค้า ก็เข้าไปส่องได้
.
เทรนด์ที่ห้าคือ สถานการณ์โดดเดี่ยวจากสังคม(Social Isolation)
เพราะอินเตอร์เน็ตทำให้การติดต่อสะดวกง่ายดายขึ้น ทำให้ผู้คนหันสนใจแต่จะอัพสเตตัส จนลืมการมีปฏิสัมพันธ์ในโลกจริง
กลายเป็นว่า เจอกันในหน้าสกรีน มากกว่าตัวเป็นๆ นั่นเป็นเหตุให้ผู้คนสมัยนี้เริ่มเหงาและโดดเดี่ยวมากขึ้นเหมือนถูกกันออกจากสังคม นำไปสู่ภาวะซึมเศร้า
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสของผู้ประกอบการที่จะช่วยทำให้ชีวิตในโลกออนไลน์และออฟไลน์มีความสมดุล
.
นิยามใหม่ของวัยผู้ใหญ่(Redifinding Adulthood)
ผู้ใหญ่ในวันนี้ คือเยาวชนเมื่อวันก่อน (พูดทำไม)
ผู้ใหญ่ในวันนี้ จะไม่เหมือนผู้ใหญ่ในอดีตที่ผ่านมา
นั่นแปลว่าประสบการณ์ในการทำธุรกิจแบบเดิมจะใช้ไม่ได้ผลกับอนาคตอันใกล้นี้
เพราะ มุมมองและทัศนคติที่เปลี่ยนไป มองว่าการทำงานไม่ใช่แค่ช่วงเวลา 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
มองว่าเทคโนโลยีจะช่วยจัดการชีวิตให้ง่ายขึ้นได้ มองคุณค่าในการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปไม่เน้นเป็นผู้ครอบครองแต่เน้นประสบการณ์ที่ได้รับมากกว่า
มิน่า คนสมัยนี้ชอบซื้อกิน 😉 (เกี่ยวมั๊ย)
.
Photo credit: Clark Young on Unsplash